รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนาต่อยอดและถ่ายทอดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสัมมนา B1 – 6 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง
ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนาต่อยอดและถ่ายทอดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดย ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช.
ในการนี้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และนายศวิต กาสุริยะ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สวทช. ร่วมลงนามเพื่อเป็นสักขีพยาน โดยภายในงานยังมีคณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงาน ร่วมพิธี
โอกาสนี้ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน และกล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือจาก สวทช. ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นตัวจริงในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรมีการตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการควบคุมและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพราะตระหนักดีว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ สภาฯ นอกจากจะเป็นสถานที่ในการออกกฎหมายแล้ว ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสภาฯ เพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ในส่วนของสภาฯ เอง มีคลังข้อมูลขนาดใหญ่คือ คลังข้อมูลนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็น ร่างรัฐธรรมนูญ รายงานของคณะ กมธ. รายงานการประชุม ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และการต่อยอดในอนาคต แต่ศักยภาพของมนุษย์เองยังใช้ข้อมูลเหล่านี้ในจำนวนที่จำกัด หากมีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยก็จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้เป็นอย่างมาก และในแง่ของบุคลากรเองจะได้นำศักยภาพไปทำงานด้านที่จำเป็นในการใช้ทักษะของมนุษย์ วันนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น รายละเอียดในบันทึกความตกลงร่วมกันฯ มีความละเอียดรอบคอบและมีความเป็นรูปธรรมในการเปิดเผยข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูล มีการกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายรับผิดชอบประสานงานในฐานข้อมูลร่วมกัน
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artficial Intelligence : Al) สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านอุตสาหกรรมและบริการดิจิทัลข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ และสนับสนุนการทำงานของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการร่วมมือกันพัฒนางานในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สำหรับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาต่อยอดและพัฒนาข้อมูลภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ประเทศชาติ และประชาชน โดย สวทช. มีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สั่งสมประสบการณ์วิจัยและพัฒนามากว่า 20 ปี ในเบื้องต้นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่จะนำมาสนับสนุนภารกิจของสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ OpenThaiLLMแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ที่ตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลภาษาไทย และ DocChat เครื่องมือ AI ที่สามารถสรุปสาระสำคัญของเอกสาร ตั้งประเด็นคำถามที่น่าสนใจโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถพูดคุยตอบโต้หรือตั้งคำถามกับเอกสารที่กำหนดได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยอาศัยความสามารถด้านการประมวลภาษาไทยจาก OpenThaiLLM ทั้งนี้ ข้อมูลของรัฐสภาจะเป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้ตอบโจทย์ภารกิจของสภาผู้แทนราษฎรอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้นำข้อมูลภาครัฐไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง สนับสนุนการทำงานของภาครัฐ การบริการประชาชน และการพัฒนาทุกภาคส่วนของสังคม